การเกิดผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเป็นแผ่นในพื้นคอนกรีตอุตสาหกรรม 
Delamination of Concrete Industrial Floors

   
ผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเป็นแผ่นคืออะไร

    การเกิดผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเป็นแผ่นคือการที่ผิวหน้าของคอนกรีตแยกตัว ร่อนออกมาเป็นแผ่นบางๆ (โดยทั่วไปจะหนาไม่เกิน 5 มม. ) จากผิวหน้าของพื้นเดิม โดยมีอาการก่อนหลุดร่อนคือเมื่อมีการเดินผ่านหรือใช้งานจากรถ Fork Lift จะมีเสียงดังก้องๆ ข้างใต้พื้นบริเวณที่จะเกิดการหลุดร่อน

 
สาเหตุของการเกิดผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเป็นแผ่น

    สาเหตุหลักๆ ส่วนมากมาจากการแต่งผิวหน้าคอนกรีตก่อนเวลาอันควร การแต่งผิวหน้าคอนกรีตก่อนที่การเยิ้มของน้ำในคอนกรีตจะหยุดลงจะทำให้น้ำที่จะลอยขึ้นสู่ที่ผิวหน้าคอนกรีตถูกเก็บกักอยู่ข้างใต้ (การเยิ้มหรือ Bleeding คือการคายน้ำจากส่วนผสมคอนกรีต มีลักษณะที่สำคัญคือจะมีน้ำบางส่วนที่ลอยตัวขึ้นมาอยู่ที่ผิวหน้าของคอนกรีตสด เนื่องจากองค์ประกอบที่เป็นของแข็งในส่วนผสมจะจมตัวลงและดันน้ำที่เป็นองค์ประกอบที่เบาที่สุดให้ลอยตัวขึ้น)

ซึ่งที่ถูกต้องนั้นควรเริ่มการแต่งผิวหน้าเมื่อคอนกรีตถึงระยะเวลาการก่อตัวเริ่มต้น (Initial set) เมื่อทำการปาดผิวหน้าของคอนกรีตไปมาให้เรียบก่อนที่การเยิ้มจะสิ้นสุดลง จะทำให้น้ำที่พยายามดันตัวขึ้นสู่ผิวหน้าถูกกักอยู่ไม่สามารถดันตัวขึ้นไปได้ จึงทำให้เกิดเป็นชั้นช่องว่างอยู่ภายใต้ผิวหน้าของคอนกรีตนั้น ส่งผลให้ตำแหน่งบริเวณนั้นไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างผิวหน้ากับเนื้อคอนกรีต
    ในการใช้เกรียงปาดผิวหน้าคอนกรีตซ้ำไปซ้ำมามากๆ จนเกิดชั้นของมอร์ต้าบางๆ เกิดขึ้นเป็นแห่งๆ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเช่นกัน เนื่องจากเป็นการดึงส่วนละเอียด (ปูนซีเมนต์และทราย) ให้ลอยขึ้นสู่ผิวหน้ามากจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลทำให้ผิวหน้าคอนกรีตเมื่อแข็งตัวแล้วมีความแข็งแรงลดลงจนเป็นสาเหตุให้เกิดการหลุดร่อนของชั้นมอร์ต้าออกมาเป็นแผ่นได้

วิธีการลดโอกาสในการเกิดผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเป็นแผ่น

1.หลีกเลี่ยงการเติมสารผสมเพิ่มใดๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากส่วนผสมที่ทางผู้ผลิตรับรอง เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้ระยะเวลาการก่อตัวยึดยาวออกไปและเป็นการเสี่ยงต่อการที่ผิวหน้าของคอนกรีตสัมผัสอากาศนานเกินไปจนแห้งก่อนที่จะพร้อมแต่งผิวหน้าได้

2.กรณีเทคอนกรีตบนพื้นดิน ชั้นดินที่รองรับจะต้องบดอัดให้แน่นและฉีดน้ำให้ชุ่มแต่ไม่ให้มีน้ำขัง การปูด้วยพลาสติกชีทจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมออกจากคอนกรีต การที่น้ำซึมออกจากคอนกรีตอย่างไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่นจะส่งผลต่ออัตราการเยิ้มน้ำและระยะเวลาการก่อตัวของคอนกรีต ซึ่งส่งผลให้เวลาการแต่งผิวหน้าของคอนกรีตไม่สม่ำเสมอเท่ากันทั่วทั้งแผ่นได้

3.ในระหว่างการเทคอนกรีต พยายามเทและเกลี่ยคอนกรีตให้ได้ระดับที่สม่ำเสมอกันไม่เทเป็นกอง เพื่อหลีกเลี่ยงการปาดผิวหน้าไปมาในขั้นตอนการแต่งผิวหน้าคอนกรีตให้เรียบ เพราะการปาดผิวหน้าไปมามากๆ จะเป็นการดึงเอามอร์ต้าขึ้นมาบนผิวหน้าคอนกรีตมากจนเกินไป
 

 

4.ในการจี้เขย่าคอนกรีตต้องทำให้ทั่วถึงทั้งพื้นที่ เพราะการเยิ้มและการทรุดตัวของคอนกรีตจะมีโอกาสเกิดมากตรงตำแหน่งที่ถูกจี้เขย่าน้อยเกินไป การใช้เครื่องเขย่าชนิดวางบนผิวคอนกรีต (vibrating screeds) ควรใช้สำหรับพื้นคอนกรีตที่มีความหนาไม่เกิน 15 ซม. ในการใช้เครื่องจี้เขย่าคอนกรีตระยะห่างในการจี้ที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 6 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวจี้ (Poker) โดยใช้ระยะเวลาน้อยสุดประมาณ 20 วินาที

5.เหล็กเสริมจะต้องวางในตำแหน่งที่กำหนดไว้อย่างแม่นยำและมั่นคง มีระยะห่างตามข้อกำหนด ผิวบนของคอนกรีตควรมีระยะหุ้มคอนกรีต  5.0-6.5 ซม. ถ้าระยะหุ้มคอนกรีตน้อยกว่า 5.0 ซม. เมื่อถูกจี้เขย่าคอนกรีตตามแนวเหล็กเสริม คอนกรีตจะทรุดตัวลงไปตามแนวเหล็กทำให้ต้องเติมคอนกรีตสดลงไปเพิ่มตรงจุดนั้น ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาในการแต่งผิวหน้าคอนกรีตคลาดเคลื่อนไป

6.ในขั้นตอนการเทคอนกรีตควรเทคอนกรีตอย่างต่อเนื่อง เป็นชั้นๆ อย่างสม่ำเสมอไล่ไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันปัญหาพื้นแต่ละจุดแข็งตัวไม่สม่ำเสมอกัน

7.พยายามแต่งผิวหน้าคอนกรีตด้วยวิธีแบบเดียวกันทั่วทั้งแผ่น

8.คอนกรีตที่พร้อมในการขัดแต่งที่ผิวหน้า จะต้องปราศจากน้ำส่วนเกินที่ผิวซึ่งเกิดจากการเยิ้มน้ำ เมื่อไหร่ก็ตามที่อัตราการระเหยของน้ำที่ผิวคอนกรีตมากกว่าอัตราการเยิ้มน้ำ จะส่งผลให้ผิวคอนกรีตมีความเหมาะสมในการขัดแต่งผิวหน้า ในบางสภาวะที่อาจทำให้คอนกรีตมีอัตราการระเหยของน้ำเกิดอย่างรวดเร็ว เราจะต้องชะลออัตราการระเหยของน้ำให้ลดลงเพื่อให้ผิวหน้าคอนกรีตไม่แห้งจนเกินไปโดยการฉีดพ่นละอองน้ำหรือใช้น้ำยาประเภทลดการระเหยของน้ำที่ผิวหน้าคอนกรีต ได้แก่ aliphatic alcohol คอนกรีตควรทำการเริ่มฉีดพ่นด้วยน้ำหรือน้ำยาให้เป็นละอองฝอยขนาดเล็กหลังจากทำการขัดหยาบจนกระทั่งขัดมัน เพื่อลดการระเหยหรือการแห้งบริเวณผิวหน้าซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแตกร้าวที่ผิวหน้าคอนกรีตได้ และควรหลีกเลี่ยงการเติมน้ำในส่วนผสมคอนกรีตที่หน้างานเพราะจะทำให้เกิดการเยิ้มน้ำมากขึ้น

9.ข้อแนะนำในการแต่งผิวหน้าคอนกรีตที่ดีมีดังต่อไปนี้

- การเริ่มขัดหยาบควรรอจนกว่าน้ำส่วนเกินที่ผิวหน้าซึ่งเกิดจากการเยิ้มน้ำหมดเสียก่อน การใช้ Bull float ขัดผิวหน้าคอนกรีตโดยลากกลับไปมา ทำซ้ำๆ จนมากเกินไปเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดผิวหน้าคอนกรีตหลุดร่อนเป็นแผ่นในภายหลังได้

- หลังจากการขัดหยาบหากพบว่ายังเกิดการเยิ้มน้ำที่ผิวหน้าขึ้นมาอีก ก็ยังไม่ควรเริ่มทำการขัดมัน เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มขัดแต่งผิวหน้าสามารถวัดได้จากการขึ้นไปเหยียบบนผิวหน้าคอนกรีตที่รอขัดอยู่นั้นรอยเท้าจะต้องจมลงไปไม่เกิน 3 มม.

- ขณะขัดหยาบควรรอให้น้ำที่ถูกกดลงไปในเนื้อคอนกรีตระเหยไปก่อน ก่อนที่จะขัดหยาบรอบต่อไป ขณะที่ขัดหากผิวหน้าคอนกรีตเกิดฟองแล้วแตกควรลดองศาความเอียงของใบขัดลงแล้วใช้ใบปาด ปาดในแนวราบกดเนื้อมอร์ต้าที่แตกให้กลับลงไปประสานกับเนื้อคอนกรีต

- ไม่ควรพรมผิวหน้าคอนกรีตด้วยน้ำเพื่อให้การแต่งผิวหน้าง่ายขึ้น

- เมื่อขัดมันเสร็จไม่ควรวางเครื่องมือหรือสิ่งของต่างๆ บนผิวหน้าเพราะในขณะนั้นคอนกรีตยังไม่แกร่งพอ
 

ที่มา : Delamination of Concrete Industrial Floors, National Ready Mixed Concrete Association U.S.A.
เรียบเรียงโดย :  ดร.ปัณฑ์ ปานถาวร, อภินันท์ บัณฑิตนุกูล